บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2018

ราชดัด

ราชดัด ชื่อวิทยาศาสตร์ Brucea javanica  (L.) Merr. ชื่อวงศ์ SIMAROUBACEAE ลักษณะ ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงถึง 10 ม. ใบ ประกอบแบบขนนก ใบย่อย 3-15 ใบ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ ถึงรูปใบหอกแกมรูปไข่ กว้าง 1.5-5.0 ซม. ยาว 3.5-11 ซม. ดอก แยกเพศ ออกเป็นช่อ ยาว 7-60 ซม. กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ กว้าง 0.5-1.0 มม. ยาว 1-2 มม.สีเขียวอ่อน ถึงเขียวแกมแดงหรือม่วง เกสรเพศผู้มี 4 อัน ผล แบบเมล็ดเดียวแข็ง ยาว 4-7 มม. ประโยชน์ เปลือกและใบ ต้มดื่มถอนพิษสุรา ผล แห้ง แก้ไข้ แก้บิด จากการศึกษาพบว่า bruceines A,B,C มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลอง มีความเป็นพิษสูง

มะเกลือ

มะเกลือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros mollis  Griff. ชื่อวงศ์ EBENACEAE ลักษณะ ไม้ต้นขนาดกลาง สูง 8-15 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม กิ่งอ่อนมีขนนุ่มทั่วไป เปลือกนอกสีดำ แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ตามยาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่หรือแกมขอบขนาน กว้าง 1.5-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. โคนใบมนหรือกลม ส่วนปลายใบสอบ ใบแก่เกลี้ยง ก้านใบยาว 5-10 มม. เมื่อแห้งเป็นสีดำ ดอกต่างเพศอยู่ต่างต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อสั้นๆ ตามง่ามใบ ช่อหนึ่งๆ มีประมาณ 3 ดอก ดอกย่อย กลีบรองดอกโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 4 แฉก กลีบดอกยาว 6-8 ซม. โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปเหยือกน้ำ ปลายแยกเป็น 4 แฉก เกสรผู้ 14-24 อัน ดอกเพศเมีย ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ก้านดอกยาว 1-3 มม. มีขนนุ่มปกคลุม เกสรผู้เทียม 8-10 อัน ผลกลม เกลี้ยง ขนาดผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. มีกลีบรองดอกติดอยู่ที่ขั้วผล 4 กลีบ ผลแก่จัดสีดำ เมื่อแห้งเปลือกเปราะ ประโยชน์ เนื้อไม้เป็นมัน สีเข้ม มีน้ำหนักมากที่สุดของไทย นิยมใช้ทำไม้ถือกบไสไม้ และเครื่องตกแต่งบ้าน เปลือกใช้ผสมเครื่องดื่มพื้นเมืองเพื่อกันบูด ผลใช้ย้อมผ้าและเครื่องมือประมงและใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ

แต้ว

แต้ว ชื่อวิทยาศาสตร์ Cratoxylum cochinchinense  (Lour.) Bl. ชื่อวงศ์ CLUSIACEAE (GUTTIFERAE) ลักษณะ ไ ม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 3-9 ซม. ดอก เดี่ยว หรือออกเป็นกระจุก2ดอก ตามซอกใบหรือปลายกิ่งมีกลิ่นหอม ขนาด1ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาว 6-7 มม. กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกัน สีส้มหรือสีส้มแดง รูปไข่กลับ กว้าง 3-5 มม. ยาว 8-10 มม. ผิวเกลี้ยง เกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น3มัด รังไข่เกลี้ยง ผล แห้งแตก กว้าง 8 มม. ยาว 1 ซม. เมล็ดมีปีก รูปไข่กลับ กว้าง 2.5-3 มม. ยาว 6-7 มม. ปีกแบนและบาง ประโยชน์ ยอดอ่อน รับประทานกับน้ำพริก

กระทิง

กระทิง ชื่อวิทยาศาสตร์  Calophyllum inophyllum  L. ชื่อวงศ์ CLUSIACEAE (GUTTIFERAE) ลักษณะ ไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง ๑๕ - ๓๐ เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือแกมรูปไข่กลับ ยาว ๘ - ๑๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือเว้าตื้น โคนใบรูปลิ่มกว้างหรือกลม แผ่นใบค่อนข้างหนา เกลี้ยง เป็นมันวาวทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบจำนวนมาก ดอกสีขาว ออกเป็นกระจุกแยกแขนงสั้นๆ ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง เกสรเพศผู้ สีเหลือง จำนวนมาก ผลสดมีเมล็ดเดียว ทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร ผลสุกสีเหลือง เมล็ดขนาดใหญ่ การกระจายพันธุ์ พบตั้งแต่ประเทศแอฟริกา อินเดีย ศรีลังกา พม่า จีนตอนใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น กัมพูชา เวียดนาม ภูมิภาคมาเลเซีย หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค จนถึงออสเตรเลีย ในประเทศไทยพบขึ้นตามชายหาด ที่โล่งชายป่าใกล้ชายฝั่งทะเล ระดับความสูงไม่เกิน ๒๐๐ เมตร ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน และกระดูกงูเรือ น้ำมันใช้ในอุตสาหกรรมสบู่ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และใช้ผสมทำเป็นน้ำมันไบโอดีเซลจากเมล็ด

ชะเอมไทย

ชะเอมไทย ชื่อวิ ทยาศาสตร์ Myriopteron extensum  Schum. ชื่อวงศ์ PERIPLOCACEA E ลักษณะ ไม้เถาขนาดกลาง มีน้ำยางขาว ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามเป็นคู่ รูปรีหรือค่อนข้างกลม กว้าง 5-6.5 ซม. ยาว 8-9 ซม. ก้านใบเรียว ยาว 1.5-4 ซม. ดอก ออกเป็นช่อหลวมๆตามซอกใบ ยาว 7-18 ซม. ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบรองดอกเล็กมาก กลีบดอกรูปหอก ขนาด 0.8 ซม. ผล รูปกระสวย ลักษณะเป็นพูทรงกลม ปลายแหลมมน เปลือกนอกบาง ออกเป็นคู่ เมื่อแก่จะแห้งแตกตามรอยตะเข็บเพียงด้านเดียว กว้าง 2 ซม. ยาว 7.5 ซม เมล็ด รูปรียาว 0.8 ซม. ประโยชน์ เถามีรสหวาน คนพื้นบ้านนิยมตัดเป็นท่อนๆให้เด็กเคี้ยวเพื่อให้ชุ่มคอ และแก้เจ็บคอ

ช้างน้าว

ช้างน้าว ชื่อวิทยาศาสตร์ Ochna integerrima  (Lour.) Merr. ชื่อวงศ์  OCHNACEAE ลักษณะ ไม้พุ่มถึงไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 1-8 ม. ลำต้นคดงอ มีกิ่งก้านต่ำ ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ หรือรูปใบกอก กว้าง 4-7 ซม ยาว 8-20 ซม. ขอบใบหยักคล้ายซี่เลื่อย เนื้อใบเนียนเกลี้ยง เส้นใบละเอียด ดอก สีเหลืองขนาดผ่าศูนย์กลาง 3-4 ซม. ออกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ตามปลายกิ่งและง่ามใบใกล้ยอด กลีบรองดอก 5 กลีบ จะคงอยู่และเปลี่ยนเป็นกลีบผลสีแดงคล้ำ กลีบดอก 5-10 กลีบ หลุดร่วงง่าย เกสรผู้จำนวนมาก ผล ค่อนข้างกลม ขนาดประมาณ 1 ซม. สีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีดำผิวมัน ประโยชน์ สามารถนำมาพัฒนาเป็นไม้ประดับได้ ราก เป็นยาขับพยาธิและฟอกน้ำเหลือง

มะขามป้อม

มะขามป้อม ชื่อวิทยาศาสตร์  Phyllanthus emblica  L. ชื่อวงศ์ EUPHORBIACEAE ลักษณะ  ไม้ต้น สูง 4-12 เมตร ใบ เดี่ยว เรียงชิดกันเป็นระนาบดูคล้ายใบประกอบ รูปขอบขนานกว้าง 2.5-5 มม. ยาว 8-12 มม. ดอก สีขาวหรือสีครีม ขนาดเล็กแยกเพศอยู่ร่วมต้น ออกตามง่ามใบ 3-5 ดอก กลีบเลี้ยง 6กลีบ ไม่มีกลีบดอก ผล กลมขนาด 1.2-2 ซม. เมล็ดมี 6 เมล็ด ประโยชน์  ราก ใช้เป็นยาลดไข้ ดอก ใช้เข้ายาระบาย ผล รับประทานได้ เป็นยาฝาดสมาน ลดไข้บำรุงหัวใจ ยาอายุวัฒนะ หรือใช้ผลิตเป็นยาแก้ไอ เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด

มะขาม

มะขาม ชื่อวิทยาศาสตร์  Tamarindus indica  L. ชื่อวงศ์  FABACEAE (LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE) ลักษณะ ไม้ยืนต้น สูง 15-30 เมตร เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาลเข้ม ใบ แบบใบประกอบแบบขนนก ยาว 5-10 ซม. กว้าง 2-4 ซม. ใบย่อย รูปขอบขนาน จำนวน 10-20 คู่ ออกตรงข้าม ยาว 1.2-2 ซม. กว้าง 3-5 มม. ขอบใบเรียบ ปลายเป็นติ่งแหลม ช่อดอก แบบช่อเชิงลดห้อยลง ก้านช่อดอก ยาว 5-10 มม. กลีบเลี้ยง เป็นแผ่นรูปช้อน 2 แผ่น ยาว1-1.2 ซม. กลีบดอก มี 5 กลีบ กลีบเจริญ 3 กลีบ สีเหลืองอ่อนมีเส้นภายในสีแดง กลีบดอก 2 กลีบ ลดรูป เกสรเพศผู้ มีก้านเกสรเชื่อมติดกัน เกสรที่สมบูรณ์ 3 อัน อีก 2 อัน เป็นเส้นเรียว เกสรเพศเมีย เหนือกลีบเลี้ยง ปลายเกสร เป็นก้อนรูปรี ผล แบบฝัก โค้ง ค่อนข้างแบน ยาว 7-15 ซม. กว้าง 2-3 ซม. เปลือกเมื่อแก่สีน้ำตาลเข้ม เมล็ด สีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ประโยชน์ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยวิตามินซีจากมะขาม ช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

กาหลง

กาหลง ชื่อวิทยาศาสตร์  Bauhinia acuminata  Linn. ชื่อวงศ์ CAESALPINIACEAE ลักษณะ  ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 3 เมตร กิ่งอ่อนมีขนนุ่มปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปมน ปลายแยกเป็น 2 แฉก ปลายใบแหลมเป็นสามเหลี่ยม ด้านล่างมีขนสีน้ำตาลเทาปกคลุมตามเส้นใบ ขนาดของใบจะกว้างได้ถึง 13 ซม. ก้านใบจยาว 3-4 ซม. มีขนประปราย ดอกสีขาวออกเป็นช่อที่ด้านข้างและปลายกิ่ง แต่ละช่อมีประมาณ 3-10 ดอก โดยจะเปลี่ยนกันบานคราวละ 2-3 ดอก กลีบดอก 5 กลีบซ้อนเหลื่อมกัน ดอกบานกว้าง 5-8 ซม. เกสรผู้ 10 อัน สีขาว อับเรณูมีสีเหลืองสด ส่วนเกสรเมียจะอยู่ระหว่างกลาง มีเส้นเดียว โตและยาวกว่าเกสรผู้ ผลเป็นฝักแคบแบน กว้าง 1.5 ซม. ยาว 11 ซม. เมล็ดมี 5-11 เมล็ด ลักษณะแบน ขนาดผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ประโยชน์   ชาวเขาจะนิยมใช้ยอดอ่อนมารับประทาน ปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ดอกไม้ประดับ

กฤษณา

กฤษณา ชื่อวิทยาศาสตร์  Aquilaria crassna  Pierre ex Lecomte ชื่อวงศ์ THYMELAEACEAE ลักษณะ ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง ๒๕ - ๔๐ เมตร เปลือกเรียบสีเทา ตามยอดมีขนสีขาว ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปรีหรือรูปไข่ ปลายเรียวแหลม โคนใบสอบมน ขอบใบเรียบ มักมีขนตามขอบใบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่า ดอก ออกเป็นช่อสั้นๆ ที่ปลายยอดและซอกใบ สีเขียวอ่อน กลีบดอก ๕ กลีบ ผลรูปไข่ ประโยชน์  ไม้กฤษณาเผาไฟให้กลิ่นหอม นิยมนำมาปรุงเป็นน้ำหอม ผงไม้หอมใช้โรยบนเสื้อผ้าหรือบนร่างกายเพื่อฆ่าหมัดและเหา ยาพื้นบ้านของอินเดียและอีกหลายประเทศในทวีปเอเชียใช้เป็นส่วนผสมในยาหอม ยาบำรุง ยากระตุ้นหัวใจ และยาขับลม

สะเดา

สะเดา ชื่อวิทยาศาสตร์  Azadirachta indica  A. Juss. ชื่อวงศ์  MELIACEAE ลักษณะ  ไม้ต้น สูง 10-20 เมตร เปลือกสีน้ำตาลหรือเทาปนดำ ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อย ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก ขอบใบหยัก ปลายแหลม ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ดอกสีขาว หรือสีเหลืองอ่อน กลีบเลี้ยง สีเขียว กลีบดอก สีขาว 5 กลีบ ผลแบบเมล็ดเดียวแข็ง รูปรี ผิวเกลี้ยง ยาว 1-2 ซม. กว้างประมาณ 1 ซม.

ยางแดง

ยางแดง ชื่อวิทยาศาสตร์  Dipterocarpus turbinatus  C.F.Gaertn ชื่อวงศ์ DIPTEROCARPACEAE ลักษณะ ไม้ต้น สูงถึง 30 ม. ใบเดี่ยว เรียงแบบเวียน รูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปรี กว้าง 9-12 ซม. ยาว 17-24 ซม. ช่อดอกแบบแยกแขนง ออกที่กิ่งใต้บริเวณที่มีใบ ดอกสีแดงอมชมพู ผลมีปีกขนาดใหญ่ 2 ปีก ปีกรูปแถบ ยาว 12-15 ซม. ตัวผลรูปไข่ หรือทรงรี ออกดอกเดือน ก.พ.-มี.ค.

มะตูม

มะตูม ชื่อวิทยาศาสตร์  Aegl marmelos  (Linn.) Corr. ชื่อวงศ์  RUTACEAE ลักษณะ  เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 6-12 เมตร โคนต้นและกิ่งก้านมีหนามยาวแข็ง ๆ ทั่งไปเรือนยอดรูปไข่ ใบ เป็นใบประกอบ ติดเรียงสลับ ยาว 10-20 ซม. มีใบย่อยรูปไข่ 3 ใบ สองใบล่างมีขนาดเล็ก และติดตรงข้ามกัน ส่วนใบปลายมีขนาดใหญ่ และออกเป็นใบเดี่ยว โคนใบสอบมน ปลายใบแหลม เนื้อใบบางเกลี้ยง ดอก เล็กสีอมเขียว หรือเนื้อเหลือง กลิ่นหอม ออกรวมกันเป็นช่อสั้น ๆ บริเวณปุ่มปมตามกิ่ง เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบฐานดอกกลางแผ่เป็นรูปดาว มี 4-5 แฉกแหลม ๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรผู้มีมาก ผล รูปไข่ถึงค่อนข้างกลมป้อม โตวัดผ่าศูนย์กลาง 8-10 ซม. ยาว 12-18 ซม. เปลือกสีเขียวอ่อนถึงเหลืองผิวเรียบและแข็งมาก ภายในมีเนื้อเยื่อสีส้มที่มียางเหนียว ๆ เมล็ดมีมาก รูปรี ๆ และแบน การกระจายพันธุ์ : พบขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ และชายป่าแล้งทั่วไป ยกเว้นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคใต้ ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 50-700 เมตร

ราชพฤกษ์

ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์  Cassia fistula  L. ชื่อวงศ์  CAESALPINIACEAE ลักษณะ  ไม้ต้นผลัดใบ สูง 10-15 เมตร ใบ เป็นใบประกอบ แบบขนนกปลายคู่ ใบย่อย 3-8 คู่ รูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 4-8 ซม. ยาว 7-12 ซม. ดอก สีเหลืองสด ออกตามซอกใบ เป็นช่อห้อยลง ยาว 20-40 ซม. ดอกย่อยจำนวนมาก ขนาดบานกว้าง ประมาณ 3 ซม. กลีบรองดอก 5 กลีบ ผิวด้านนอกมีขน กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่ เกสรผู้ 10 อัน สั้น 7 อัน ยาว 3 อัน ก้านเกสรเมีย และรังไข่มีขนยาว ผล เป็นฝักยาว รูปแท่งกลม กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 20-60 ซม. ฝักแก่ไม่แตก แต่จะหลุดร่วงทั้งฝัก และหักแตกเป็นชิ้น เมล็ด มีเนื้อเหนียวสีดำหุ้ม

ขี้เหล็ก

ขี้เหล็ก ชื่อวิทยาศาสตร์  Cassia siamea  Lamk. ชื่อวงศ์  CAESALPINIACEAE ลักษณะ  ไม้ต้น สูง 8-15 เมตร ใบ ประกอบแบบขนนก ใบย่อย 7-10 คู่ รูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 1-2 ซม. ยาว 3-7 ซม. ปลายมน ดอก สีเหลือง ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปค่อนข้างกลม ขนาดไม่เท่ากัน กลีบดอกรูปไข่กลับ ยาว 1.5-2 ซม. เกสรเพสผู้ 10 อัน รังไข่มีขน ฝัก แบน ยาว 20-30 ซม. กว้าง 1-1.5 ซม. การกระจายพันธุ์  พบตามป่าที่ระดับความสูงค่อนข้างต่ำ นิยมเอามาปลูกตามบ้าน หรือเป็นไม้ให้ร่มตามทาง

เปล้าน้อย

เปล้าน้อย ชื่อวิทยาศาสตร์       Croton subiyratus  Kurz ชื่อวงศ์                     EUPHORBIACEAE ลักษณะ                  ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบช่วงสั้นๆ สูง 1-4 ม. ยอดอ่อนปกคลุมด้วยขนสีสนิมแดง  ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกกลับ กว้าง 4-6 ซม. ยาว 10-15 ซม. โคนและปลายใบสอบแคบ ขอบใบมักมีขนปราย ดอกสีน้ำตาลอ่อนแกมเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ยอด แยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเพศผู้ มีกลีบรองดอกและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ เกสรผู้ 15-20 อัน ดอกเพศเมีย อาจมีกลีบรองดอกมากกว่า แต่ไม่มีกลีบดอก ผลรูปกลม ขนาด 0.5-1 ซม. มี 3 พู แก่แล้ว แตก เมล็ดขนาดเล็ก ผิวเรียบ การกระจายพันธุ์     พบขึ้นกระจายในประเทศพม่าและไทย ตามป่าเบญจพรรณ ป่าแพะ และป่าชายหาด บนดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม

แหนแดง กรมวิชาการเกษตร

รูปภาพ
                                                                                 แหนแดง (กรมวิชาการเกษตร)                 พืชลอยน้ำขนาดเล็ก จำพวกเฟิร์น มักแตกสาขาแผ่คลุมผิวน้ำเป็นวงกว้าง ใบ ขนาดเล็ก 1 – 2 มม. ติดตามลำต้น ลักษณะเป็นแผ่นบางสองแผ่น แผ่นบนสีเขียว แผ่นล่างเป็นเยื่อบางสีชมพูอ่อน ซ้อนทับกันเรียงเป็นสองแถว ใบอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลแดง อับสปอร์ออกตามซอกใบ สีเขียวรูปไข่ขนาดเล็กพืชลอยน้ำขนาดเล็ก จำพวกเฟิน มักแตกสาขาแผ่คลุมผิวน้ำเป็นวงกว้าง ใบ ขนาดเล็ก 1 – 2 มม. ติดตามลำต้น ลักษณะเป็นแผ่นบางสองแผ่น แผ่นบนสีเขียว แผ่นล่างเป็นเยื่อบางสีชมพูอ่อน ซ้อนทับกันเรียงเป็นสองแถว ใบอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลแดง อับสปอร์ออกตามซอกใบ สีเขียวรูปไข่ขนาดเล็ก          แหนแดง เหมาะสำหรับใช้เป็นปุ๋ยพ...